โฮมออฟฟิศ
บ้านและสวน

โฮมออฟฟิศ

โฮมออฟฟิศ

โฮมออฟฟิศ

โฮมออฟฟิศ เมื่อสถาปนิกที่อยากสร้างสถาปัตยกรรมอะไรสักอย่าง Luxury Villa Phuket จะมีคำถามกับงานของตัวเอง สรุปออกมาเป็นคอนเซ็ปที่ต้องการนำเสนอจนอออกมาเป็นรูปเป็นร่าง อาคารบางหลังเห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นบ้าน ออฟฟิศ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การค้า ที่จะมีจุดเด่นในการดีไซน์ แต่ก็มีอาคารอีกหลายหลังที่ทีมงานออกแบบจงใจที่จะใส่ลูกเล่นผสานฟังก์ชันบางอย่างที่ไม่น่าจะมีเข้าไป ทำให้ออกมาเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ๆ อาจจะเป็นโฮฒออฟฟิศ บ้านที่รวมแกลเลอรีเข้าด้วยกัน หรือบ้านหลังนี้มี่เป็นออฟฟิศสอนเกี่ยวกับงานเสริมสวยในญี่ปุ่น ก็เกิดจากความตั้งใจที่ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาเกิดคำถามว่า ‘ตึกนี้คืออะไร’

โฮมออฟฟิศสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น

โฮมออฟฟิศ

บ้านใน Ikarugacho ประเทศญี่ปุ่นหลังนี้ พื้นที่อาคาร: 108.6 ตารางเมตร เป็นบ้านชั้นเดียวภายนอกและภายในได้รับการออกแบบโดยใช้ “สีขาว” เป็นหลัก ซึ่งกลมกลืนกับพื้นผิวของไม้อย่างอ่อนโยน แทรกด้วยการจัดสวนตรงกลาง ทำให้สถานที่ทำงานและที่อยู่อาศัยมีการแบ่งขอบเขตที่ดูสบายๆ ไม่อึดอัด

ในขณะที่โครงสร้างและวัสดุที่เป็นหนึ่งเดียวทำให้เชื่อมต่อกับทั้งอาคารได้ ช่องว่างขนาดใหญ่ในบริเวณบ้านนำสายลมอันน่ารื่นรมย์พัดผ่านอาคารชั้นเดียวทั้งหลัง และมีแสงสว่างส่องเข้ามาเติมความสว่างแบบแทบไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าในช่วงกลางวัน

หน้าส่วนสตูดิโอ (ทางขวามือของภาพ) จะมีทางลาดซึ่งไม่ชัน อำนวยความสะดวกสำหรับคุณแม่ที่มีรถเข็นเด็กมาด้วยหรือผู้พิการให้เข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับใครที่กำลังนั่งรออยู่ด้านนอกก็มีพื้นที่ชายคาคลุมให้หลบแดดหลบฝน ชมสวนและรถราที่แล่นไปมาเพลินๆ

จากภาพมุมมอง Bird’s eyes view จะเห็นว่าบ้านเหมือนถูกเจาะหลังคา ให้มีพื้นที่ว่างเปิดออกสู่ท้องฟ้าอยู่หลายจุด ซึ่งช่องเหล่านี้จะเป็นลานหรือคอร์ทยาร์ดที่แทรกอยู่ในตัวบ้าน คอร์ทหลักตั้งอยู่ทางด้านขวา คอร์ทที่สองทางด้านซ้าย และคอร์ทที่สามอยู่ด้านหน้าหันออกไปทางถนน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน สถาปนิกก็เสนอพื้นที่ที่เชื่อมถึงสวนและภายนอกอย่างนุ่มนวลให้คุณได้ชื่นชมครบทุกจุดแบบบ้าน

HOME OFFICE

แค่จุดที่ถอดรองเท้าก็สามารถมองทะลุเข้าไปเห็นวิวท้องฟ้าที่อยู่ตรงหน้า แผ่ออกไปเหนือศีรษะและลานภายในที่เปิดรับแสงแดด หลังเดินขึ้นสู่พื้นยกระดับจะมีทางเดินที่แยกเข้าสู่ห้องออฟฟิศ ทันทีที่ได้ก้าวเข้ามาในส่วนสตูดิโอก็จะได้พบกับการตกแต่งที่ชวนให้หเกิดคำถามว่า “นี่เป็นสำนักงานหรือร้านขายเสื้อผ้า” กันแน่ เพราะไม่มีบรรยากาศของความเป็นทางการ ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยความเก๋ สบาย และให้ความชิดใกล้ธรรมชาติ

พื้นที่ต้อนรับแขกและสำนักงานเป็นพื้นปูนขัดมันธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความโปร่งด้วยผนังกระจกที่รายล้อมรอบด้าน เชื่อมต่อออกไปมองภูิมทัศน์ธรรมชาติของคอร์ทได้ทั้งสองด้าน รวมถึงสวนหน้าบ้านด้วย ภายในจัดตกแต่งโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์มากชิ้น ที่วางแชมพู  ชั้นวางนิตยสาร โต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งทำผม และเก้าอี้ที่มีสีโดดเด่นถูกจัดวางเพื่อให้ผู้คนมารวมตัวกันได้ง่าย ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้มาใช้บริการหรือไม่ใช่ก็มานั่งพักได้หมด

คอร์ทตรงกลางระหว่างสองส่วนอาคาร ทำหน้าที่ดึงธรรมชาติให้เข้ามาแนบชิดตัวบ้านได้เท่าๆ กันทั้งสองส่วน เป็นจุดดกัแสง ลม พร้อมแบ่งกั้นระหว่างฝั่งห้องเรียนกับบ้านที่อยู่ตรงข้ามให้เป็นอิสระจากกัน แต่ก็สามารถเปิดออกมาทักทายหรือมองเห็นกันได้

โซนใช้งาน Public ของบ้านเป็นห้องโถงใหญ่ ๆ

ที่รวมพื้นที่นั่งเล่น ครัว และห้องทานข้าวไว้ด้วยกัน อารมณ์จะคล้ายๆ กับส่วนห้องเรียนคือ จัดแปลนแบบเปิดเน้นความโปร่งโล่ง แต่จะมีความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าด้วยงานไม้ที่ปูพื้นแทนปูนขัดมัน ประตูบ้านเป็นกระจกบานเลื่อน เปิดออกเชื่อมต่อสวนได้กว้าง จึงสามารถพักผ่อนกับทัศนียภาพที่ชวนให้ผ่อนคลายได้ในระหว่างทำอาหารหรือทานข้าว

ห้องน้ำที่มีพื้นที่สีขาวในบริเวณกว้างช่วยเพิ่มความรู้สึกสะอาดตาและมีสุขอนามัยที่ดี ตัดความเรียบนิ่งด้วยงานไม้ ให้ความเป็นธรรมชาติมีส่วนร่วมอยู่ที่นี่ด้วย สถาปนิกเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างทำหน้าที่เป็นตัวแบ่งพื้นที่ใช้งานโซนแห้งโซนเปียก โดยใช้งานไม้ในโซนแห้งและกระเบื้องในส่วนเปียก เพราะเข้าใจดีว่าวัสดุไม้นั้นไม่เหมาะสำหรับความชื้น

หลังจากค่ำลงบ้านก็ยิ่งเปล่งประกายความสวยงามมากขึ้นจากแสงไฟ ที่ส่องลอดออกมาจากฉากระแนง และไฟตกแต่งตามจุดต่างๆ ของบ้านทั้งในและนอกตัวบ้าน เมื่อมองจากระยะไกลจะสัมผัสได้ถึงแสง Indirect light ที่นุ่มนวลสร้างความรู้สึกที่แตกต่างจากในเวลากลางวัน

โซนใช้งาน Public

บ้านที่แบ่งส่วนหนึ่งของพื้นที่เป็นออฟฟิศ สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ใช้สอยประจำวัน อาทิ ห้องพักผ่อน ครัว ห้องนอน ควรอยู่ในโซนแยกออกไปที่ผู้มาติดต่องานหรือพนักงานออฟิศไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย อาทิ การแบ่งพื้นที่ทำงานอยู่ชั้นล่าง พื้นที่ใช้ชีวิตอยู่ชั้นบน และทำทาางเข้า-ออกแยกกัน แต่ถ้าเป็นออฟฟิศเฉพาะทางที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมาก ก็อาจจะใช้วิธีเหมือนบ้านนี้ คือ มีสวนและระแนงไม้กั้นบังสายตาหลวมๆ ก็พอ เพื่อให้ยังสามารถสังเกตเห็นกัน และรับความสดชื่นจากธรรมชาติได้ดี

ข้อดี-ข้อเสีย ของโฮมออฟฟิศ(HOME OFFICE)

ข้อดี

  • ใช้เป็นที่อยู่ และที่ทำงานไปในตัว

โฮมออฟฟิศให้ผลดีกับผู้ประกอบการ ทำให้ไม่ต้องเสียเงินสองต่อในการเช่า หรือซื้อทั้งที่อยู่อาศัย และออฟฟิศ และไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับออฟฟิศแบบบ้าน

  • จอดรถสะดวก

โฮมออฟฟิศมีพื้นที่ด้านหน้าที่กว้างขวาง จอดรถได้ประมาณ 4-6 คัน และยังจอดได้ง่ายกว่าออฟฟิศที่อยู่บนตึกสูง ทำให้ต้องวนหาที่จอดรถ หรือต้องแย่งที่จอดรถกับพนักงานคนอื่น ๆ ที่สำคัญ เมื่อลูกค้ามาติดต่องานที่ออฟฟิศ ก็ทำให้ประทับใจกับการจอดรถที่ง่ายดายกว่าด้วย

  • ลดต้นทุนเรื่องค่าส่วนกลางอาคารสำนักงาน

การเช่าออฟฟิศตามอาคารสำนักงาน มักมีค่าส่วนกลาง เช่น ลิฟต์ ห้องน้ำส่วนกลาง ค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาด เป็นต้น ถ้าเป็นโฮมออฟฟิศ ก็จะลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้

HOME OFFICE
  • พนักงานใช้ส่วนกลางของโฮมออฟฟิศได้

โครงการโฮมออฟฟิศ มักมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ พนักงานสามารถไปใช้งานได้ ถือเป็นสวัสดิการเพิ่มเติม ที่เราไม่ต้องออกเงินเพิ่ม

  • ลดต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งที่บ้านและออฟฟิศ

เช่น ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ อย่างค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้อยู่แล้ว ถ้าสามารถรวบมาเป็นค่าใช้จ่ายในบิลเดียวกันได้ ก็จะทำให้ลดต้นทุนไปได้มากแบบบ้าน

  • บรรยากาศผ่อนคลาย

โฮมออฟฟิศจะให้บรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเอง พนักงานจะรู้สึกเหมือนได้ทำงานอยู่บ้าน

  • การแต่งตัวยืดหยุ่น

ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นทางการมาทำงานก็ได้ เพราะพนักงานมีไม่กี่คน และไม่ได้พบปะผู้คนมากมาย แค่แต่งตัวให้เรียบร้อยก็ใช้ได้ ยกเว้นถ้าต้องพบลูกค้าก็ควรแต่งตัวให้ดูดีขึ้นมาหน่อยwebsite